เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมดิเอ็มเพรส อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเวทีสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียและผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากร่างกฎหมายฉบับใหม่ โดยมีผู้แทนจากหลายภาคส่วนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ทั้งหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และภาคประชาชน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและข้อเสนอแนะต่อร่าง พ.ร.บ.ล้มละลาย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการปฏิรูปกฎหมายเศรษฐกิจและกระบวนการยุติธรรมของประเทศ โดยเฉพาะท่ามกลางวิกฤตหนี้ครัวเรือนที่กำลังส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของไทย
รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ข้อมูล ณ สิ้นปี 2567 ระบุว่า หนี้ครัวเรือนของไทยมีมูลค่ารวมเกือบ 20 ล้านล้านบาท สูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในช่วงเวลาเดียวกัน สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบการเงินในระดับครัวเรือน ซึ่งไม่สามารถแก้ไขด้วยแนวทางเฉพาะหน้า จำเป็นต้องมีการปฏิรูประบบและกลไกทางกฎหมายอย่างรอบด้าน
สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ คือ การเปิดทางให้ลูกหนี้สามารถเจรจากับเจ้าหนี้โดยไม่ต้องประชุมเจ้าหนี้เต็มรูปแบบ หากได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ก็สามารถเดินหน้าจัดทำแผนฟื้นฟูได้ทันที ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอน ลดต้นทุน และลดความล่าช้าได้อย่างมีนัยสำคัญ
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญ คือ การคุ้มครองผู้ค้ำประกัน โดยไม่ถือว่าเป็นลูกหนี้ร่วม แต่ให้รับผิดเฉพาะตามที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูเท่านั้น เพื่อลดผลกระทบที่จะขยายวงกว้างไปสู่ครอบครัวและบุคคลอื่นโดยไม่เป็นธรรม
รมว.ยุติธรรม เน้นย้ำว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ไม่ได้มุ่ง “ยกเว้นหนี้” หรือ “ส่งเสริมการไม่จ่ายหนี้” แต่เป็นการสร้างระบบที่สมดุลระหว่างสิทธิของลูกหนี้และเจ้าหนี้ เปิดทางให้ลูกหนี้สุจริตมีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีศักดิ์ศรี พร้อมกลับมาเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว