เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 68 ที่ หอประชุมที่ว่าการอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ จากทุกภาคส่วน ทั้งส่วนราชการ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พี่น้องประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และกลุ่มผู้ใช้น้ำ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมสำหรับเตรียมความพร้อมดำเนินการขุดลอกน้ำปิง เพื่อป้องกันน้ำท่วมและแก้ไขปัญหาน้ำปิงเอ่อล้นตลิ่ง โดยที่ประชุมชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ของการขุดลอก รวมถึงแผนการบริหารจัดการและแนวทางการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการขุดลอกน้ำปิงของแต่ละหน่วยงาน จากนั้นจึงได้เปิดโอกาสให้ประชาชนและทุกภาคส่วนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณมาให้กับจังหวัดเชียงใหม่ 188 ล้านบาท สำหรับนำมาดำเนินการขุดลอกแม่น้ำปิง ที่ปัจจุบันมีสภาพตื้นเขิน เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณน้ำได้มากขึ้น และป้องกันน้ำท่วม ซึ่งจากการสำรวจภาพรวมทั้งระบบจะต้องดำเนินการขุดลอกทั้งหมด 41 กิโลเมตร ครอบคลุมตั้งแต่อำเภอแม่แตงไปจนถึงอำเภอสารภี แต่งบประมาณที่ได้รับมาในรอบแรกนี้จะถูกนำมาใช้ขุดลอกในส่วนของเขตพื้นที่เมืองก่อนเป็นระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร รวมถึงรื้อฝายหินทิ้ง 3 แห่ง คือ ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล เพื่อเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำ โดยขณะนี้ใกล้จะได้รับอนุมัติจัดสรรงบมาให้จังหวัดฯ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการขุดลอกได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มดำเนินโครงการ จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม และวางแนวทางแก้ไขปัญหาในจุดที่จะต้องได้รับผลกระทบต่อการขุดลอกครั้งนี้
ทั้งนี้ จากการรับฟังความคิดเห็นในเบื้องต้นในเขตพื้นที่อำเภอสารภี พบว่า หน่วยงานและประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จังหวัดเชียงใหม่จะทำการขุดลอกน้ำปิง และรื้อฝายที่กีดขวางการระบายน้ำออก เพราะปัจจุบันแม่น้ำปิงตื้นเขินมาก ประกอบกับเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาได้พัดพาเอาเศษดินและโคลนจากบนดอยลงมาทับถมสะสมเพิ่ม ทำให้พื้นน้ำตื้นเขินขึ้นไปอีก ส่วนการรื้อฝายที่ไม่จำเป็นออกไปก็จะช่วยให้การระบายน้ำดีขึ้น เพราะไม่มีสิ่งที่มากีดขวางทางน้ำ ดังนั้น จึงมองว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนของพี่น้องประชาชน จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนกันอีกเช่นเดียวกับเหตุการณ์น้ำท่วมในหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ก็มีประชาชนและกลุ่มผู้ใช้น้ำส่วนหนึ่งที่ยังคงมีข้อกังวล ว่าเมื่อทำการรื้อฝายทั้ง 3 ฝายออกไปแล้วจะส่งผลกระทบต่อการผันน้ำเข้าไปยังพื้นที่เกษตรและบ้านเรือนชาวบ้าน เนื่องจากเดิมทีการผันน้ำสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการควบคุมการปิด-เปิด บานประตูระบายน้ำ แต่หากรื้อฝายออกแล้วใช้เครื่องสูบน้ำชั่วคราวมาช่วยในการเติมน้ำให้นั้น อาจทำให้การส่งน้ำเป็นไปด้วยความล่าช้า ดังนั้น จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการวางแผนในการผันน้ำให้กับพี่น้องเกษตรกรและกลุ่มผู้ใช้น้ำให้ดีเช่นเดิม อาจจะเป็นการติดตั้งระบบสูบน้ำถาวรแล้วทดสอบระบบผันน้ำให้มีความสัมพันธ์กับการใช้น้ำ พร้อมทั้งทำบันทึกข้อตกลง MOU เป็นลายลักษณ์อักษรร่วมกับกลุ่มผู้ใช้น้ำ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มผู้ใช้น้ำว่าจะได้รับความสะดวกในการใช้น้ำเช่นเดิม ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่จะมีการเปิดรับความคิดเห็น 3 ครั้ง จากผู้ที่มีส่วนได้เสียจากทั้ง 3 ฝาย