สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ และมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ มอบถุงยังชีพช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบอุทกภัยในอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ตามโครงการ “น้ำพระทัยพระราชทาน” และ “หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย”
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 67 เวลา 11.00 น. ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ได้เดินทางมาเป็นประธานมอบสิ่งของให้กับราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ บริเวณบ้านเลขที่ 6 หมู่ 4 ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ตามโครงการ "น้ำพระทัยพระราชทาน" และโครงการ "หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย" เพื่อช่วยเหลือเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรที่ประสบภัย โดยมี นายขวัญชัย เนื่องจำนงค์ นายอำเภอเวียงแหง พร้อมด้วยส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานโครงการจิตอาสาเราทำความดีเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ด้วยความห่วงใยของพระองค์ท่านและเพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ามีความรัก ความสามัคคี และมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ทางสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้ร่วมกับมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และหน่วยงานทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงใหม่ จัด "โครงการน้ำพระทัยพระราชทาน" และ "โครงการหนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย" ขึ้น โดยได้นำสิ่งของ (ถุงยังชีพ) จากเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มาถวายแด่พระสงฆ์และแม่ชีในพื้นที่ จำนวน 20 ชุด และถุงสิ่งของยังชีพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 200 ชุด มามอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยในอำเภอเวียงแหง เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ซึ่งจะช่วยเป็นขวัญและกำลังใจในการใช้ชีวิตให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี
โดยในห้วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้เกิดพายุไต้ฝุ่นยางิ และพายุซูลิค ทำให้มีประชาชนและเกษตรกรในเขตพื้นที่ตำบลเมืองแหง อำเภอเมืองแหง จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าว โดยมีประชาชนและเกษตรกรได้รับผลกระทบ 22 ราย และบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 40 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายจำนวน 52 ไร่ แยกเป็นข้าวโพด 48 ไร่ และนาข้าว 4 ไร่ โดยก่อนหน้านี้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองแหงได้ให้การช่วยเหลือเยียวยาแก่เกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยไปแล้วรวมเป็นเงิน 52,000 บาท