จังหวัดเชียงใหม่ประชุมทบทวนแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่คณะทำงานปรับปรุงแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และจัดทำร่างแผนปฏิบัติการฉุกเฉินแก้ไขปัญหาสารเคมีและวัตถุอันตรายจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.2557 ได้ประชุมพิจารณา ทบทวน ปรับปรุงแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.2553 – 2557 และจัดทำร่างแผนปฏิบัติการฉุกเฉินแก้ไขปัญหาสารเคมีและวัตถุอันตรายไปแล้ว 3 ครั้ง
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายชนะ แพ่งพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมกันทบทวนแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.2553 – 2557 ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2557 และแผนปฏิบัติการฉุกเฉินแก้ไขปัญหาสารเคมีและวัตถุอันตรายจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.2557 ที่ผ่านการประชุมพิจารณา ทบทวน ปรับปรุงแผนฯ จากคณะทำงานปรับปรุงแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และจัดทำร่างแผนปฏิบัติการฉุกเฉินแก้ไขปัญหาสารเคมีและวัตถุอันตรายจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.2557 มาแล้ว 3 ครั้ง เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2557, 3 และ 23 มิถุนายน 2557 ซึ่งได้มีการปรับปรุงข้อมูลการปกครอง ณ ปี 2556 มีการบันทึกสถิติสาธารณภัย เพิ่มเติม ปี 2555 – 2556 การพิจารณาเรียงลำดับประเภทสาธารณภัย ปรับเป็นเรียงลำดับตามข้อมูลความเสี่ยงภัย มีการปรับปรุงข้อมูลจุดแข็ง จุดอ่าน โอกาส อุปสรรค /ภัยคุกคาม การปรับปรุงชื่อและหมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งการเพิ่มความถี่วิทยุในผังการสื่อสารด้วย ทั้งนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณารายละเอียดทั้ง 2 แผน และมีมติเห็นชอบในหลักการ ส่วนหน่วยงานใดจะเพิ่มเติมข้อมูลหรือรายละเอียดในภารกิจของหน่วยงานก็สามารถส่งข้อมูลให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่แก้ไขภายในวันที่ 26 สิงหาคม 2557
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับปรุงแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และการจัดทำแผนปฏิบัติการฉุกเฉินแก้ไขปัญหาภัยจากสารเคมีและวัตถุอันตราย จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.2557 ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการทบทวนแผนให้มีความสมบูรณ์ สามารถเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติจากสารเคมีและวัตถุอันตรายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนให้มากที่สุด