Latest News

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีประสบความสำเร็จ เพาะพันธุ์สัตว์ป่าสงวนใกล้สูญพันธุ์ “กวางผา และ เลียงผา”

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีสุดปลื้มสามารถเพาะพันธุ์สัตว์ป่าหายากยิ่งของไทยที่จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนใกล้สูญพันธุ์และถูกจัดอยู่ในบัญชีลำดับ 1 ในอนุสัญญา CITES   “ลูกกวางผาและ ลูกเลียงผาเตรียมนำออกสู่แสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชม

 

ดร.ศราวุฒิ  ศรีศกุน ผู้อำนวยการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดเผยว่า เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้รับสมาชิกใหม่  “ลูกกวางผาและ ลูกเลียงผาสัตว์ป่าสงวนของไทย ซึ่งเป็นสัตว์ป่าหายาก และจัดเป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์  โดยเป็นการเพาะพันธุ์ด้วยวิธีการธรรมชาติในพื้นที่เฉพาะในส่วนแสดงที่สัตว์ทั้งสองชนิดนี้อาศัยอยู่   ซึ่งต้องอาศัยความเอาใจใส่และการดูแลจากผู้เลี้ยง  รวมทั้งสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน  

สมาชิกใหม่ ลูกกวางผาจำนวน 1 ตัว ยังไม่ทราบเพศ เกิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2556 จากแม่แสงดาวอายุ 3 ปี  และ พ่อศิลป์พ่อพันธุ์ชั้นดีที่ให้กำเนิดลูกกวางผาที่แข็งแรงแล้วหลายคอก  โดยลูกกวางผาตัวนี้ นับเป็นสมาชิกลูกกวางผาที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพาะพันธุ์ได้เองเป็นตัวที่ 20  โดยในปัจจุบันเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีสมาชิกกวางผา ทั้งหมด 26 ตัว

กวางผา หรือ ม้าเทวดา จัดเป็น ใน 15 ชนิดของสัตว์ป่าสงวนของประเทศไทยและอนุสัญญาไซเตส นับเป็นสัตว์ป่าที่หาดูได้ยาก โดยในธรรมชาติสามารถพบได้บริเวณเทือกเขาต้นน้ำปิง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อยและแม่ตื่น จังหวัดเชียงใหม่และตาก และเทือกเขาบริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแม่เลา แม่แสะ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว

กวางผา มีนิสัยชอบออกหากินตามที่โล่งในตอนเย็นและตอนเช้ามืด หลับพักผ่อนตามพุ่มไม้และชะง่อนหินในเวลากลางคืน อาหาร ได้แก่ พืชที่ขึ้นตามสันเขาและหน้าผาหิน เช่น หญ้า ใบไม้ กิ่งไม้ และลูกไม้เปลือกแข็งจำพวกลูกก่อ โดยปกติมักอาศัยรวมกันเป็นฝูง 4-12ตัว ผสมพันธุ์ราวเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ออกลูกครอกละ 1-2 ตัว ตั้งท้องนาน เดือน

ในปัจจุบันประชากรกวางผาได้ลดจำนวนลงไปมาก เนื่องจากสภาพถิ่นที่อยู่อาศัยจำกัดเป็นหน้าผาสูงชันที่สัตว์อื่นไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ประกอบกับนิสัยที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง มีอาณาเขตครอบครองแน่นอน ทำให้ถูกพรานชาวเขาตามล่าได้ง่าย ขณะเดียวกัน ชาวบ้านมีความเชื่อกันว่าน้ำมันกวางผามีสรรพคุณใช้เป็นยาสมานกระดูกเช่นเดียวกับน้ำมันเลียงผา ทำให้กวางผาถูกฆ่าตายเพื่อเอาไปทำน้ำมัน นับว่าสถานการณ์ความอยู่รอดของกวางผาไทยยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต

สมาชิกใหม่อีกชนิดหนึ่ง ลูกเลียงผาจำนวน 2 ตัว  ตัวแรกเกิดจากแม่ปีใหม่ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 เป็นเพศผู้ และตัวที่ 2 เกิดจากแม่ตองหก เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2556 เป็นเพศเมีย   โดยเกิดจากพ่อตัวเดียวกันคือ พ่อตองอูซึ่งลูกเลียงผาที่เกิดใหม่นี้ นับเป็นลูกเลียงผาที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพาะพันธุ์ได้เองเป็นตัวที่  5 และตัวที่ 6   ปัจจุบันเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีสมาชิกเลียงผาทั้งหมดจำนวน 8 ตัว เป็นเพศผู้ 5 ตัว เพศเมีย 3 ตัว

เลียงผามีลักษณะคล้ายกับกวางผา แต่มีขนาดใหญ่กว่า มีลักษณะคล้ายแพะแต่มีรูปหน้ายาวกว่า มีลำตัวสั้นแต่ขายาว  ตัวเมียมีขนาดเล็กกว่าตัวผู้ มีเขาทั้งตัวผู้และตัวเมีย เขางอกยาวต่อเนื่องทุกปี ลักษณะของกะโหลกเมื่อเปรียบเทียบกับกวางผาที่มีกะโหลกโค้งเว้าแล้ว เลียงผามีกะโหลกแบน ขนตามลำตัวจะแปรเปลี่ยนไปตามอายุสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย และชนิดพันธุ์ มีขนหยาบและไม่เป็น 2 ชั้นเหมือนกวางผา ใต้ตามีต่อมน้ำมันใช้สำหรับถูตามต้นไม้หรือโขดหินเพื่อประกาศอาณาเขต พบกระจายพันธุ์ตั้งแต่เอเชียใต้  เอเชียตะวันออกเฉียงใต้  อินโดนีเซีย  จนถึงเอเชียตะวันออก   โดยมักอยู่ตามหน้าผาหรือภูเขาสูง

ในปัจจุบันประชากรเลียงผามีจำนวนลดลงมาก  เนื่องจากการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย  การระเบิดภูเขาเพื่อการผลิตปูนซีเมนต์และเพื่อการผลิตหินคลุก ก็นับเป็นการทำลายถิ่นที่อยู่ที่ปลอดภัยของเลียงผาโดยตรงเช่นกัน  รวมทั้งการไล่ล่าเลียงผาตามความเชื่อว่าน้ำมันของเลียงผาสามารถรักษาบาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บ จากการพลัดตกเขาหรือใช้สมานกระดูกที่หักได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ผู้ที่สนใจสามารถชมความน่ารักของสมาชิกใหม่ได้ทุกวัน ณ ส่วนแสดงซาวันนาซาฟารี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่   งานประชาสัมพันธ์  สำนักงานพัฒนาพิงคนคร 053-999000 

 

 



เขียนข่าวโดย :: Editor
วันที่ :: 03 พฤศจิกายน 2556
เวลา :: 02:18:35

ข่าวอื่นๆ ในหมวดนี้ [ ข่าวท่องเที่ยว ]